Thai bath from Chinese etymology - Cover

泰铢 ไทยบาท คำง่ายๆที่มีที่มาเก่าแก่ถึงสมัยฉินซีฮ่องเต้ | ที่มาคำว่า บาท จากภาษาจีน “泰铢” 的历来

ทุกคนคงรู้กันอยู่แล้วว่าเงินบาทในภาษาจีนเรียกว่า 泰铢 (Tàizhū) แถมคำว่าบาทในภาษาไทยปัจจุบันเราก็ยังใช้เป็นหน่วยวัดน้ำหนักของทองอีกด้วย แต่รู้กันหรือไม่ว่า คำว่า “บาท” ในภาษาไทย อาจจะมีที่มาจากคำว่า “铢” (zhū) ในภาษาจีน

เรื่องนี้แม้จะยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดแต่เป็นมุมมองทางประวัติศาสตร์และที่มาของคำที่น่าสนใจ วันนี้ สร้างภาพเล่าเรื่อง 图图是道 จะมาเล่าให้อ่านกัน

หมายเหตุ | เพื่อให้เห็นช่วงเวลาที่ชัดเจนและความเชื่อมโยงต่างๆ บทความนี้จะใช้ ค.ศ. แทน พ.ศ. ทั้งหมดนะครับ

Thai bath from Chinese etymology - Influences

เมื่อ “บาท” ไม่เป็นเพียงแค่ค่าเงิน แต่ยังเป็นหน่วยน้ำหนักด้วย

หน่วยเงินตราและหน่วยน้ำหนัก ในสมัยโบราณแทบจะเป็นเรื่องที่แยกกันไม่ออก ตัวอย่างของอิทธิพลนี้ที่เรายังเห็นหลงเหลืออยู่ในภาษาไทยปัจจุบันคือการชั่งน้ำหนักทองคำในประเทศไทย เราซื้อขายทองคำกันเป็นหน่วยน้ำหนัก “สลึง” และ “บาท”

มนุษย์ได้เริ่มใช้โลหะมาเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน หรือ 金属货币 (jīnshǔ huòbì) ครั้งแรกเมื่อประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสตกาลที่ประเทศจีน

จากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ทำให้เกิดการวัดมูลค่าของสิ่งต่างๆ ขึ้น ในเมื่อมนุษย์สร้าง 金属货币 ขึ้นมาแล้ว และยังเป็นสิ่งที่ปลอมแปลงได้ยาก จึงได้นำ 金属货币 มาเป็นตัวแทนของหน่วยวัดน้ำหนักตามชื่อของเงินนั้นๆ ไปด้วย

หน่วย “บาท” มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย (素可泰王朝 | ค.ศ. 1249 – 1463) หรือ อาจจะเก่ากว่านั้น จากที่พบการกล่าวถึงใน ศิลาจารึกหลักที่ 2 (วัดศรีชุม) และไตรภูมิพระร่วง ได้มีการกล่าวถึง การชั่งวัดน้ำหนักในสมัยนั้น นักโบราณคดีได้สันนิษฐานว่า การชั่งน้ำหนักอาจจะมีที่มาได้จากสองแหล่ง

แหล่งแรก การชั่งวัดด้วย “ตาชู” ได้รับอิทธิพลมาจากอารยธรรมซูเมอร์ (苏美尔 | Sū měi ěr | Sumer คนไทยชอบเรียกว่า สุเมเรียน) ผ่านทางเมืองลังกาที่พระยุคสุโขทัยไปศึกษาพระธรรมมา ซึ่งได้รับมาผ่านทางอินเดียอีกต่อหนึ่ง

แหล่งที่สอง การชั่งวัดด้วย “ตาเต็ง” ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากการค้าขายกับอารยธรรมจีน

หน่วยที่พบได้ตั้งแต่สมัยสุโขทัยไล่จากหนักไปหาเบาได้แก่

  • ภารา
  • ตุล
  • ชั่ง
  • ตำลึง
  • บาท
  • สลึง
  • เฟื้อง
  • ไพ
  • กล่ำ
  • กล่อม
  • เมล็ดข้าว

แม้ยังไม่สามารถจะสรุปได้แน่ชัด แต่ก็สามารถทำให้เห็นภาพได้ว่า การชั่งน้ำหนักในสมัยโบราณนั้น เงินโลหะ หรือ 金属货币 ได้มีความสำคัญในการวัดน้ำหนักและได้กลายมาเป็นมาตรฐานมาอย่างยาวนานในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และ เกิดการผสมผสานปรับปรุงจนเป็นของตนเอง

Thai bath from Chinese etymology - Ancient Chinese Measurement

两 และ 铢 หน่วยน้ำหนักที่มีมาตั้งแต่จีนโบราณ

ย้อนกลับไปยังอารยธรรมจีนโบราณ การชั่งวัดน้ำหนักด้วยโลหะ มีมาตั้งแต่ 春秋战国 (Chūnqiū zhànguó | ยุคชุนชิว ปี 770 -221 ก่อน ค.ศ.) หรืออาจจะจะเก่ากว่า ในช่วงยุคนี้ หลักฐานที่สามารถเห็นได้อย่างเด่นชัดที่สุดคือ เหรียญ 半两 (bànliǎng) ที่มีการหล่อเหรียญโดยมีอักษร 半两 ที่แปลว่าครึ่งตำลึงของ 秦国 (Qín guó | อาณาจักรฉิน) ซึ่งต่อมา 秦始皇 (Qín shǐ huáng | ฉินซีฮ่องเต้ ปี 259 — 210 ก่อน ค.ศ.) ได้รวมแผ่นดินและปฏิรูประบบการเงินและระบบการชั่งวัดใหม่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยนำชื่อของเงินและน้ำหนักมาตั้ง 一两 (yìliǎng | 1 ตำลึง) จะเท่ากับ 二十四铢 (èrshísì zhū | 24 บาท)

พอมาถึงสมัย 汉朝 (Hàn cháo | ราชวงศ์ฮั่น ปี 202 ก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 220) จากบันทึกของลวี่ลี่จือ 《汉书·律历志》ในสมัยนี้ได้มีการนำหน่วยชั่งวัดเดิมมาปรับมาตรฐานใหม่และตั้งชื่อว่า 五权 (Wǔ quán) ไล่จากหนักไปหาเบา ได้แก่

  • 石 (dàn | ต้าน)
  • 钧 (jūn | จวิน)
  • 斤(jīn | ชั่ง)
  • 两(liǎng | ตำลึง)
  • 铢 (zhū | บาท)

จริงๆ ในยุคนี้ ยังมีหน่วยย่อยที่ต่ำกว่า 铢 อีก ได้แก่ 絫 (lěi | เหล่ย) และ 黍 (shǔ | สู่)

ยุคต่อๆ มา ยังได้มีการกล่าวถึง หน่วยย่อยอื่นๆ ทั้งในสมัย 南朝 (Nán cháo | ราชวงศ์ใต้ ค.ศ. 420 – 589) และ 唐朝 (Tāng cháo | ราชวงศ์ถัง ค.ศ. 618—907) ได้แก่ 钱 (qián | เฉียน ต่อมากลายเป็นที่มาของคำว่าเงินที่ใช้เรียนกัน)、分(fēn | เฟิน)、厘(lǐ | หลี่)、毫(háo | เหา)、丝(sī | ซือ)、忽(hū | ฮู)

มาจนกระทั่ง 宋朝 (Sòng cháo | ราชวงศ์ซ่ง ค.ศ. 960—1279) ได้มาการปรับหน่วยใหม่อีกครั้ง และ ตัด 铢 หรือ บาท และปรับให้เหลือแค่ 10 หน่วย ไล่จากหนักไปหาเบา ได้แก่

  • 石 (dàn | ต้าน)
  • 钧 (jūn | จวิน)
  • 斤(jīn | ชั่ง)
  • 两(liǎng | ตำลึง)
  • 钱 (qián | เฉียน)
  • 分(fēn | เฟิน)
  • 厘(lǐ | หลี่)
  • 毫(háo | เหา)
  • 丝(sī | ซือ)
  • 忽(hū | ฮู)

ในปัจจุบันหน่วยเหล่านี้ จะเหลือเพียงแค่ 斤(jīn) ซึ่งได้ปรับน้ำหนักให้เข้ากับสมัยใหม่เป็น 500 กรัม ส่วนกิโลกรัมจะเรียกว่า 公斤 (gōngjīn)

Thai bath from Chinese etymology

เห็นจีนแล้วเทียบไทย 铢 และ บาท เกี่ยวข้องกันอย่างไร

แม้จะยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด แต่นักภาษาศาสตร์และนักโบราณคดี ได้สันนิษฐานว่า หน่วยชั่งวัดของไทยได้รับอิทธิพลบางส่วนมาจากจีนผ่านการค้าขาย เมื่อเราลองเทียบจากช่วงเวลาตามราชวงศ์ต่างๆ จึงพอจะเห็นภาพได้ว่าอิทธิพลนี้ได้เข้าสู่เอเชียอาคเนย์ ตั้งแต่ก่อนสมัย 宋朝 (Sòng cháo | ราชวงศ์ซ่ง ค.ศ. 960—1279) หรืออาจจะเป็นช่วง 宋朝 พอดี เนื่องจากการเปลี่ยนให้เป็นมาตรฐานเดียวกันไม่ใช่เรื่องง่าย อาจจะมีการใช้หน่วยชั่งวัดแบบเดิมอยู่

อาณาจักรสุโขทัย (ค.ศ. 1249 – 1463) อยู่ในช่วงใกล้เคียงกันกับ 元朝 (Yuān cháo | ราชวงศ์หยวน ค.ศ. 1271—1368) และ 明朝 (Míng cháo | ราชวงศ์หมิง 1368-1644) จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ภาษาจีนในสมัยนั้นยังออกเสียงเป็นสำเนียงภาษาจีนโบราณ ซึ่งมีส่วนคล้ายคลึงกับภาษาจีนทางภาคใต้ เช่น กวางตุ้ง (广东话 | Guǎngdōng huà) และ ภาษาจีนแต้จิ๋ว (潮州话 | Cháozhōu huà)ในปัจจุบัน

Thai bank note rama 5
ภาพธนบัตรสมัยรัชกาลที่ 5 มีการใช้ตัว บัวะ อยู่ด้วย
ภาพจาก http://www.siambanknote.com/banknote-appraisal/th-1st-series-thaibanknote-price.htm

หนึ่งในข้อสันนิษฐานที่มีอยู่ในปัจจุบัน คือคำว่า “บาท” ได้รับอิทธิพล และ อาจจะมีที่มาจาก 潮州话 หรือภาษาจีนแต้จิ๋ว ซึ่งมีอักษรเดิมคือ 金+末 คือเป็นอักษรโบราณที่มี 金字旁 และ อักษร 末 (ดูอักษรได้จากภาพ) ออกเสียงว่า “บัวะ” และเพี้ยนมาเป็นคำว่า “บาท” ซึ่งได้ใช้บนธนบัตรสมัยรัชการที่ 5 ด้วย ในภายหลัง ต่อมาได้มีการเปลี่ยนอักษรมาเป็น 铢 (ตัวเต็ม 銖)

มาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ (ค.ศ. 1782 – ปัจจุบัน) สยามได้เผชิญกับความกดดันของยุคจักรวรรดินิยมเป็นอย่างมากในช่วงรัชกาลที่ 4-5 จนเมื่อวันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 1902 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ รัชกาลที่ 5 ได้ประกาศปฎิรูปปรับเปลี่ยนเงินตราไทย เป็น เงินบาท และไม่ผูกกับน้ำหนักของโลหะอีกต่อไป มีหน่วยที่ประกาศใช้เหลือเพียงแต่ บาท, สลึง และ สตางค์ แต่หน่วยชั่งวัดยังคงใช้อยู่ในการชั่งวัดโลหะมีค่า

เมื่อถูกเรียกว่าเงิน “ไทยบาท” จึงได้นำอักษรที่มีความเกี่ยวข้องแต่โบราณมาใช้ และ กลายเป็น 泰铢 (Tàizhū) ในที่สุด


ไม่น่าเชื่อว่า แค่คำที่เราใช้กันอยู่กันเป็นประจำอย่างคำว่า บาท นี้ มีที่มาที่เก่าแก่และเชื่อมโยงไปถึงภาษาจีนโบราณขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม บาท ของไทย และ 銖 ของจีนนั้น ไม่ได้มีน้ำหนักเท่ากันมาตั้งแต่โบราณ จึงสันนิษฐานได้เพียงว่ามีความเชื่อมโยงกันทางภาษาศาสตร์เท่านั้น หากผู้อ่านมีข้อมูลเพิ่มเติมยังไงมาคุยกันที่คอมเมนท์หรือแชทมาคุยกันได้เลยนะครับ

แล้วก็ เพจเพื่อนบ้านเรา “แค่สงสัย เลยอยากเล่า|中文秘密” ทำโพสเกี่ยวกับ อิทธิพลของอารายธรรมเงินจีนที่ขยายไปสู่อารยธรรมญี่ปุ่น เกาหลี และ เวียดนาม สนใจไปตามอ่านกันได้ที่นี่เลยทำโพสเกี่ยวกับ อิทธิพลของอารายธรรมเงินจีนที่ขยายไปสู่อารยธรรมญี่ปุ่น เกาหลี และ เวียดนาม สนใจไปตามอ่านกันได้ที่นี่เลย

ในตอนหน้าจะมาต่อกันในเรื่อง การสร้างระบบการเรียนภาษาจีนด้วยตัวเอง ตอนที่ 3 รอบนี้จะเล่าถึงการเอา flow มาใช้ในโปรแกรม Notion ยังไงอย่าลืมติดตามกันนะครับ ระหว่างนี้อ่านตอนที่ 1 และ 2 ได้ที่นี่เลย


ติดตามเรื่องราวภาษาจีนย่อยง่ายๆ ด้วยภาพ หรือมีเรื่องอะไรเกี่ยวกับภาษาจีน มาคุยกันได้ที่


อ้างอิง

Author

  • Game 黄俊宏

    กราฟฟิกดีไซน์เนอร์ที่เรียนภาษาจีน แบบเรียนๆหยุดๆ จนมารอบล่าสุดเรียนต่อเนื่องแล้ว สนใจภาษา การใช้งาน และ การเล่าเรื่องราวให้เข้าใจง่ายด้วยภาพ เลยมาทำคอนเทนท์ผสมทักษะการออกแบบ เล่าเรื่องและภาษา

    View all posts