ปัญหาคลาสสิกในการเรียนภาษาที่แทบทุกคนเมื่อเรียนภาษาไปสักระยะแล้ว ต้องเจอคือช่วงที่เราเรียนไปสักพักแล้วไม่ว่าพยายามเท่าไรก็รู้สึกว่าภาษาจีนของเราไม่พัฒนาไปไหน แถมไม่ใช่แค่แป็ปเดียวด้วยนะ บางทีนานเป็นปีเลย
เกมเองก็เคยเจอภาวะแบบนี้เหมือนกันครับ และตอนนี้เองก็ยังเจออยู่ เลยอยากจะมาแชร์สิ่งที่รู้เผื่อใครที่เจออยู่จะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองเจออยู่คนเดียว และอยากให้รู้ว่าภาวะที่เป็นอยู่มันคือภาวะที่จะไปสู่ภาษาในระดับที่สูงขึ้น เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
ลองตอบคำถามนี้กันก่อน คุณเจอกับเรื่องพวกนี้อยู่ไหม
- รู้สึกขัดใจสื่อสารไม่ได้ดังใจ อยากใช้คำที่ชัดเจนขึ้น แต่ก็ดันนึกไม่ออกทั้งๆที่ก็ไม่ได้อธิบายไม่ได้นะ
- รู้สึกกลัวที่จะผิด เพราะเรียนมาก็เยอะแล้ว แต่ก็รู้สึกว่าไอ้ที่ใช้อยู่บางอย่างไม่ถูกต้อง ทำให้หงุดหงิดไปใหญ่
- พยายามเรียนตามวิธีการที่วางไว้แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าอยู่เท่าเดิม ไม่รู้ว่าทำไมเป็นอย่างนี้ และไม่รู้ว่าจะแก้ยังไง
ถ้าตอบใช่ทั้งหมด 3 ข้อ ขอแสดงความยินดีด้วย ไม่ใช่ยินดีที่คุณเจอปัญหานะครับ แต่ยินดีที่ภาษาจีนของคุณกำลังจะได้พัฒนาเข้าสู่ระดับสูงแล้ว แค่สะสมความรู้ได้มากพอรู้ตัวอีกทีก็พุ่งทะยานแล้ว
ภาวะนี้มีชื่อเรียกว่า Intermediate Plataeu แล้วมันคืออะไร
คำนี้ไม่ได้เป็นการระบุอย่างเป็นทางการ เป็นคำที่นิยมบรรยายภาวะนี้กับในหมู่ผู้เรียนภาษาต่างประเทศ แปลเป็นภาษาไทยตรงๆเลย ก็คือ “ที่ราบสูงของ(การเรียนภาษา)ระดับปานกลาง” เป็นภาวะที่เราเข้าสู่การเรียนภาษาอีกระดับนึงแล้ว รู้สึกว่าแม้จะพยายามเรียนไปเท่าไหร่ก็ไม่มีความคืบหน้าหรือพัฒนาได้ช้ามาก มักเกิดขึ้นในช่วงระดับกลางไปสูงของการเรียนภาษา
ลองมาดูกราฟนี้กัน (อ้างอิง HSK ปัจจุบัน) เห็นเลยว่ายิ่งระดับสูงขึ้นก็มีข้อมูลที่ต้องเรียนรู้เยอะขึ้นมากเมื่อเทียบกับการเรียนในช่วงเริ่มต้น หัวข้อยิ่งหลากหลาย สถานการณ์ที่ไม่เจอบ่อยๆยิ่งเยอะขึ้น ยิ่งถ้าหากเป้าหมายที่ต้องการคือการเรียนให้ใช้ได้ระดับเจ้าของภาษา ยิ่งทะลุเพดานขึ้นไปอีก
จึงไม่แปลกเลยที่จะรู้สึกว่าพัฒนาการของเราจะช้าลงจนไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง เพราะว่าไม่ได้ไม่พัฒนา แต่แค่ความเร็วมันเท่าเดิมเมื่อเจอข้อมูลที่เยอะขึ้นย่อมรู้สึกช้าเป็นธรรมดานั่นเอง
ถ้าค้างเติ่งอยู่บนที่ราบสูงนี้แล้ว ต้องทำยังไง?
ก่อนจะไปต่อจริงๆ อยากให้ถามคำถามกับตัวเองก่อนว่าระดับภาษาที่เราอยากได้อยากไปให้ถึงคือสูงกว่านี้หรือเปล่า เพราะในระดับที่คุณมาค้างอยู่ตรงนี้บอกเลยว่าเป็นระดับที่คุณสามารถใช้ภาษาได้ตามใจอยากในระดับหนึ่งแล้ว การจะไปให้สูงกว่านี้ต้องใช้ความต่อเนื่อง ถ้าหากเราพอใจแล้วก็สามารถที่จะปล่อยให้ชิวๆได้ แต่ถ้าไม่พอใจอยากไปเร็วขึ้น ลองปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ตามรู้แบบที่ชอบดู
เรียนแบบซึมซับหรือรับมาจากกิจกรรมที่ทำ (Acquiring)
Acquring เป็นวิธีการที่เรียนเรียนรู้แบบไม่จงใจ ซึมซัมเอามาเรื่อยๆ ไม่ได้จดจ่อ ไม่ได้มีระบบชัดเจน เหมือนกับทารกแรกเกิดเริ่มเรียนภาษานั่นเอง เลยดูจะชิวกว่าการตั้งใจเรียน จะเลือกสื่อหรือทำกิจกรรมเป็นภาษาจีนเพื่อซึมซับไปเรื่อยๆแทน เช่น
- ฟังเพลงที่ชอบ
- ฟัง podcast หัวข้อที่สนใจ แบบไม่ตั้งใจอ่านสคริปต์
- ดูซีรีย์หรือวิดีโอสั้น
- หาเพื่อนคนจีนเพื่อพูดคุย
- ไปร่วมงานอีเวนท์แลกเปลี่ยนภาษา
- เปลี่ยนโปรแกรมต่างๆ หรือ โทรศัพท์มือถือเป็นภาษาจีน
- สร้างสิ่งแวดล้อมเทียม ให้ล้อมรอบไปด้วยภาษาจีน
หาสื่ออื่นๆเพื่อเรียนเพิ่มเติมแบบตั้งใจ (Learning)
นอกจากบทเรียนแล้ว เราก็ยังต้องการภาษาจีนใช้จริง เราอาจจะหาสื่อหรือกิจกรรมที่เราสนใจมาเรียนรู้ แต่การเรียนแบบนี้จะตั้งใจเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างจริงจัง เช่น
- ฟังเพลงที่ชอบ และเอาเนื้อเพลงมาศึกษาไปด้วย
- ฟัง podcast หัวข้อที่สนใจ เอาสคริปมาอ่านและหาส่วนที่เราสนใจ คำศัพท์ ประโยคที่เราไม่รู้
- ดูซีรีย์หรือวิดีโอสั้น และเอามาเรียน อาจจะฝึกพูดตามไปด้วย
- หาเพื่อนคนจีนเพื่อพูดคุย และจดสิ่งที่เราไม่รู้ไปด้วย
- ไปร่วมงานอีเวนท์แลกเปลี่ยนภาษา
- เปลี่ยนโปรแกรมต่างๆ หรือ โทรศัพท์มือถือเป็นภาษาจีน และตั้งใจจำศัพท์
- ทำแบบฝึกหัด ฟัง พูด อ่าน เขียนเพิ่ม
ลองหารูปแบบและกิจกรรมที่คุณชอบทำดูนะครับ
อย่าลืมเติมกำลังใจไปด้วยเรื่อยๆ และ ทดสอบตัวเองให้เห็นระดับไปด้วย
ปัญหาหลักๆ เลยคือกำลังใจของเราและการไม่เห็นพัฒนาการเนี่ยแหละ ที่ควรจะประคองไปเรื่อยๆ ระหว่างที่เราพยายามหาทางแก้อยู่ กลับมาถามตัวเองว่าเราเรียนไปเพื่ออะไร และเราชอบอะไร ตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พยายามเรียนรู้ไปทุกวัน กระบวนการสำคัญมากๆ ในช่วงนี้ เมื่อเราเริ่มหาแรงบันดาลใจใหม่ได้ หรือรู้สึกดีขึ้นจะได้กลับมาเรียนต่อได้สบายๆ
ส่วนที่อยากแนะนำเลยคือ การสอบวัดระดับ หรือ การทดสอบว่าตัวเองมีพัฒนาการไหม เป็นสิ่งที่ช่วยได้มาก แม้จะคืบหน้าเล็กน้อยก็ทำให้เรารู้สึกว่าก็ยังมีพัฒนาการนะ วิธีการอาจจะทำง่ายๆ เลย เช่น
- ลองย้อนกับมาอ่านบทความ หนังสือ หรือ ดูซีรีย์ที่เคยดูมา ว่าเราเข้าใจได้มากขึ้นขนาดไหน
- สอบวัดระดับ
- ลองไปคุยกับเพื่อนคนจีนที่ไม่ได้คุยมานานดู
วิธีการเหล่านี้ทำให้เราเห็นพัฒนาการตัวเอง จะยิ่งทำให้เรารู้สึกดีขึ้น
แล้วที่เกมเคยเจอมารู้สึกอย่างไร
บอกตามตรงท้อ และวอกแวกไปเลย ไปสนใจอย่างอื่นและคิดว่านี่อาจจะไม่ใช่ทางของเรา แต่ก็พยายามประคองแม้จะหายไปบ้าง และก็ได้กลับมา แต่ตอนนี้ก็เจอใหม่อีกรอบนะ อาจจะเพราะจาก ระดับ 5 ไป 6 ดูจะไปได้ยากอยู่ สิ่งที่พยายามแก้ตอนนี้เลยก็คือ พยายามเอาสิ่งที่เราวัดผลได้คือหนังสือเรียนมาเรียนเพิ่ม แล้วเดี่ยวจะมาแชร์พัฒนาการให้เป็นระยะนะครับ
ใครสนใจรายละเอียดเกี่ยวกับประสบการณ์ของเกมดูไลฟ์ย้อนหลังได้ที่นี่เลยนะ
แล้วแต่ละคนมีประสบการณ์กันอย่างไรบ้าง มาแชร์กันครับ
ติดตาม Tutustory 图图是道 เรื่องราวภาษาจีนย่อยง่ายๆ ด้วยภาพ หรือมีเรื่องอะไรเกี่ยวกับภาษาจีนมาคุยกันได้ที่